#ทำอาหารเองควรใช้น้ำมันแบบไหน

คนรักสุขภาพหลายๆคนที่ชอบทำอาหารกินเอง ถ้าจะประกอบอาหารประเภทผัดๆทอดๆ แน่นอนว่าน้ำมันเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลย แต่น้ำมันในปัจจุบันนี้มีให้เลือกหลากหลายจนเราเกิดความสับสนในการเลือกใช้น้ำมันแต่ละประเภทมีประโยชน์มีประโยชน์ที่แตกต่างกันอย่างไรบ้าง น้ำมันที่ใช้ในการประกอบอาหารทั่วๆไป มี 2 ชนิดคือ น้ำมันพืชและน้ำมันสัตว์

#น้ำมันพืช จะมีองค์ประกอบส่วนใหญ่เป็นไขมันไม่อิ่มตัว ซึ่งมีองค์ประกอบที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่าน้ำมันสัตว์ (ยกเว้นน้ำมันมะพร้าวและน้ำมันเมล็ดปาล์ม) ไขมันไม่อิ่มตัวนี้จะไม่ค่อยเป็นไข แม้จะอยู่ในตู้เย็น เช่น แช่ตู้เย็น แต่จะทำปฎิกิริยากับความร้อนและออกซิเจนได้ง่าย และมักทำให้เกิดกลิ่นเหม็นหืนภายหลังจากใช้ประกอบอาหารแล้ว

#น้ำมันสัตว์ จะมีองค์ประกอบส่วนใหญ่เป็นไขมันอิ่มตัว ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นไขได้ง่าย เมื่ออากาศเย็นชื้น ไขมันสัตว์มีกลิ่นเหม็นหืนได้่ง่ายเมื่อทิ้งไว้ที่อุณหภูมิธรรมดา นอกจากมีไขมันอิ่มตัวแล้วยังมีโคเลสเตอรอลอีกด้วย ผู้ที่มีปัญหาไขมันในเลือดสูง ควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำมันสัตว์ น้ำมันเมล็ดปาล์ม และน้ำมันมะพร้าว เนื่องจากมีกรดไขมันอิ่มตัวปริมาณมาก

วิธีการเปรียบเทียบตาราง
ไขมันอิ่มตัว เรียกง่ายๆว่า ไขมันไม่ดี
ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว และไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน มีประโยชน์ทั้งคู่ เพราะมีส่วนช่วยเพิ่มไขมันดี (HDL ) ในการช่วยปกป้องไม่ให้ คอเลสเตอรอล ไตรกลีเซอไรด์ และ ไขมันไม่ดี (LDL) ที่สะสมอยู่ในหลอดเลือดแดง เป็นส่วนช่วยป้องกันโรคเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือดได้

#สรุปในแง่ของการบริโภค น้ำมันมะกอกเหมาะแก่การใช้บริโภคแน่นอน จัดว่าเป็นน้ำมันเพื่อสุขภาพหรือ healthy oil ได้เต็มปากเต็มคำ และคำแนะนำโภชการทั่วโลกก็แนะนำให้บริโภคน้ำมันมะกอกเป็นหลัก มีไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวมากที่สุด
น้ำมันไม่อิ่มตัวอื่นๆรองลงมาก็ น้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันข้าวโพด น้ำมันรำข้าว น้ำมันถั่วเหลือง เป็นต้น แย่ลงไปก็น้ำมันปาล์ม น้ำมันมะพร้าว น้ำมันหมู น้ำมันวัว แย่สุดก็เนยเลยค่ะ

อย่างไรก็ตาม การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูงไม่ว่าจะเป็นไขมันชนิดไหนๆ หากได้รับมากเกินไปก็ย่อมส่งผลเสียต่อร่างกายทั้งสิ้น เพราะฉะนั้น เราต้องควบคุมปริมาณไขมันที่ควรได้รับต่อวัน หันมาเลือกกินอาหารที่ปรุงอย่างหลากหลาย เช่น การนึ่ง ต้มหรือลวกบ้างก็จะช่วยให้ร่างกายไม่ต้องรับเอาไขมันส่วนเกินจนเกิดโทษขึ้นมาได้นั่นเองค่ะ

Categoryfood