#ทำไมเป็นประจำเดือนน้ำหนักขึ้นพุงป่องและออกกำลังกายได้ไหม ?

เมื่อวันแดงเดือดเข้ามา เป็นอะไรที่เครียดมากสำหรับสาวๆ เวลาจะทำอะไรก็ลำบากมากในแต่ละ Lifestyle ไม่ว่าจะนั่ง นอน รับประทาน มักจะเจอปัญหานี้เป็นประจำทุกเดือน ในกรณีสาเหตุที่สาว ๆ มักจะมีอาการพุงป่อง ในช่วงก่อนมีประจำเดือนนั้น เกิดจากอาการบวมน้ำ บางรายอาจจะมีน้ำหนักตัวเพิ่ม ซึ่งเป็นผลมาจากระดับฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) ในร่างกายของคุณสาว ๆ ผลิตมากเกินไปในช่วงตกไข่ นอกจากนี้ ช่วงก่อนมีประจำเดือน บริเวณผิวภายในโพรงมดลูกจะหนาตัวขึ้น และมีเลือดคั่งอยู่ปริมาณมาก ทำให้ช่วงที่ประจำเดือนยังไม่มา ส่งผลให้ร่างกายสะสมน้ำไว้ในชั้นเนื้อเยื่อร่างกายมากขึ้น ผลก็คือจะทำให้น้ำหนักตัวเพิ่ม(ประมาณ 0.5-2 กิโลกรัม ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล แต่ถ้าน้ำหนักขึ้นมากกว่านี้น่าจะมาจากการกินเละเทะก่อนหน้านั้นแล้วหละ) รู้สึกอึดอัด ตัวบวม เต้านมคัดตึง พุงก็เลยป่องออกมามากกว่าปกติ แต่หากเยื่อภายในหลุดลอกออกมาเป็นประจำเดือนหมดแล้ว พุงก็จะยุบกลับไปเป็นเหมือนเดิมนั่นเองค่ะ

และนอกจากจะมีอาการตัวบวม มือบวม แขนบวม พุงป่องแล้ว คุณสาวๆ ที่เป็นปัญหากวนใจกว่า 80% ยังรู้สึกอยากกินของจุบจิบ รสจัดๆ อยู่ตลอดเวลา แถมมีอารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย แบบว่าช่วงนั้นไม่รู้เป็นอะไรอยาก “เหวี่ยง” สุด ๆ และยังปวดศีรษะ ท้องอืด เจ็บหน้าอก คัดตึงเต้านม ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดนี้ เป็นอาการหนึ่งในกลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน (Premenstrual Syndrome : PMS) นั่นเอง แต่อาการดังกล่าวนี้ จะส่งผลกระทบในช่วงก่อนและระหว่างการมีรอบเดือนภายใน 1-10 วันเท่านั้น

#หลายๆคนคงสงสัยว่าช่วงเป็นประจำเดือนสามารถออกกำลังกายได้หรือไม่ มีข้อควรระวังอะไรไหม สาวๆ หลายคนถึงกับจิตตกไม่กล้าออกกำลังกายเพราะกลัวว่าจะส่งผลต่อสภาพร่างกายขณะนั้นเลยทีเดียว วันนี้จะมาอธิบายให้ฟัง

ในช่วงที่มีประจำเดือน จะมีการเสียเลือดและการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเอสโตรเจน ทำให้มีอาการดังต่อไปนี้
1. อ่อนเพลีย
2. ปวดศีรษะ ปวดท้อง
3. หงุดหงิดง่าย
บางคนที่ ออกกำลังกายแต่พอดี อาการเหล่านี้จะดีขึ้น เพราะร่างกายหลั่ง สารเอนดอร์ฟิน (Endorphine) หรือสารแห่งความสุข ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย สงบ มีความสุขสบาย ลดอาการปวด เพิ่มภูมิต้านทาน อีกทั้งช่วยให้การนอนหลับดีขึ้น

สารนี้ยังทำให้เส้นเลือดขยายตัว ลำเลียงออกซิเจนและอาหารไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆได้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสมอง การออกกำลังกายในช่วงมีประจำเดือน ไม่ใช่สิ่งต้องห้าม ตรงกันข้ามกับเป็นตัวช่วยให้อาการต่างๆ ในระหว่างมีประจำเดือนทุเลาลง อีกต่างหาก

#สำหรับข้อแนะนำและข้อควรระวังสำหรับสาวๆในช่วงวันนั้นของเดือน มีดังนี้

– ไม่ควรออกกำลังกายรุนแรง เพราะจะทำให้เพลียมากขึ้นหรืออาจเป็นลมได้ เช่น การฝึกความอึด การคาร์ดิโอแบบความเข้มข้นสูง การวิ่ง การเล่นกีฬาที่ต้องใช้ร่างกายหนักๆ

– ควรงดการว่ายน้ำ นอกจากจำเป็นจริงๆ เพราะการใช้ผ้าอนามัยชนิดสอด อาจเกิดอันตรายจากการติดเชื้ออย่างรุนแรงในกระแสเลือด (Septic Shock Syndrome)

– การออกกำลังกายที่เหมาะสมในช่วงนี้คือ การฝึกโยคะกับพิลาทีส เพราะไม่หักโหม ทั้งช่วยขับสารพิษในกระแสเลือดและระบบน้ำเหลือง เช่น การออกกำลังกายบนลูกบอลเพิ่มแรงกดที่หน้าท้อง บรรเทาอาการปวดท้อง ท่า Cat Pose หรือ ท่า Restorative Pose ช่วยยืดกล้ามเนื้อหลัง แก้ปวดหลังได้ด้วย

– เดินหรือเล่นกีฬาเบาๆจะช่วยผ่อนคลาย และควรออกกำลังในช่วงเช้าที่มีแดดอ่อนๆ เพื่อรับวิตามิน D เข้าสู่ร่างกาย

– ในส่วนของเวทเทรนนิ่ง สามารถเล่นได้นะคะ แต่ต้องเล่นในน้ำหนักที่เบาๆก่อน เพื่อกระชับกล้ามเนื้อแทนค่ะ จะเล่นพวก เครื่องยกน้ำหนัก(Machine weight) หรือเล่นดัมเบล หรือบาร์เบล(Dumbbell,Barbell : อยู่ในกลุ่ม Free Weight) แบบไม่ต้องขยับมากๆแทนค่ะ เช่น Lateral Raise, Biceps Curl, Leg Curl, Seated Row ซึ่งไม่ขยับร่างกายหรือเปลี่ยน Movement มาก

#สรุปการออกกำลังกายช่วงมีประจำเดือนนั้นมีประโยชน์มากกว่าที่คุณคิดแต่ต้องออกกำลังกายพอดีๆ เท่าที่ร่างกายแต่ละคนไหว ไม่หักโหมมากจนเกินไปนะ

ที่สำคัญ…ถ้ารู้สึกหิวบ่อยเวลามีประจำเดือน งดทานพวกขนมนมเนย หรือขนมจุบจิบ และอาหารรสจัดๆ ให้หันมาทานนม โยเกิร์ต น้ำผลไม้ หรือผลไม้สดแทนจะดีกว่า แลอย่างน้อยช่วยเพิ่มการขับถ่ายที่ดีด้วยนะคะ และดื่มน้ำเยอะๆด้วยนะ

Categoryexercise
Write a comment:

*

Your email address will not be published.